8 อันดับ พระบูชาราคาแพงที่สุด รุ่นไหนที่คนใช้เยอะที่สุด อัพเดทล่าสุดปี 2568

#พระปรุหนังชินเงินกรุวัดประดู่ทรงธรรม สมัยอยุธยา #พร้อมบัตรรับรองพระแท้จากทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย #เนื้อชินเงิน อุปเท่ห์ จักมีเงินใช้จนชินแบบเหลือๆ #พุทธคุณแน่นอนว่าพระที่สร้างในช่วงที่มีสงครามนั้นต้องคงกระพันนําหน้าครับ มีอานุภาพสยบศาสตราวุธทั้งปวง และด้วยพุทธศิลป์งานฉลุทะลุเห็นอีกด้านอุปเท่ห์ผ่านพ้นทุกอุปสรรค #ผ่านพ้นพระเคราะห์หนักๆได้อย่างง่ายดาย #มารผจญรนคิดชั่วจักพ่ายแพ้แรงกรรมแห่งตน เกาะอยุธยาขึ้นไปทางทิศตะวันออก เมื่อประมาณ ปี 2460 ได้มีการขุดพบพระพิมพ์ต่าง ๆ บริเวณสองฝั่งคลองตะเคียน อาทิ วัดโคก วัดคลองตะเคียน วัดช้าง วัดพิชัย และวัดประดู่ทรงธรรม โดยเฉพาะวัดนี้มีการขุดพบพระพิมพ์ต่างมากที่สุด เนื้อดินเผาสีดําหรือเนื้อดินผสมผงใบลาน ข้อมูลไหนใกล้เคียงความจริงก็ต้องพิจารณาเอาเอง ที่ลือลั่นที่สุดคือ พระปิดตาพิชัย และพระปรุหนัง นั่นเอง วัดประดู่ทรงธรรม เป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาเป็นราชธานี เป็นที่นับถือของกษัตริย์ ในสมัยอยุธยาตอนปลายเกือบทุกพระองค์ แม้แต่สมัยพระเจ้าตากสิน ก็เคยนิมนต์สมภารจากวัดนี้ เป็นสมเด็จพระสังฆราชมาแล้ว ศิลปะการสร้างจะเป็นพุทธศิลป์ทางเหนือ เช่น พระรอด พระคง พระลือ พระเลี่ยงเป็นต้น โดยพิจารณาจากพิมพ์พระต่าง ๆ เช่น กริ่งคลองตะเคียนจะเหมือนกับพระคงลําพูนมาก ทั้งที่พระคงสร้างมาไม่ต่ํา 700 ปี อีกเหตุผลที่สนับสนุนคือ พระลักษณะผงใบลานเผานั้น ประวัติการสร้างที่เก่าแก่ที่สุดจะเป็นทางเหนือ ซึ่งรวมถึงประเทศพม่าด้วย ส่วนผู้สร้างนั้น มีความเห็นต่างกันออกไป ส่วนหนึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นพระสงฆ์จากทางภาคเหนือ ได้เดินธุดงค์มาจําวัดอยู่ที่อยุธยา แล้วสร้างพระพิมพ์ขึ้น แต่สร้างในแบบอนุรักษ์ศิลปะหริภุญไชยเอาไว้ พระจึงออกมาคล้ายกับพระทางภาคเหนือ อีกเหตุผลหนึ่งเชื่อว่า ขรัวรอด หรือ หลวงปู่รอด สมภารวัดประดู่ทรงธรรม (เล่ากันว่าสําเร็จวิชาเสือสมิง) เป็นผู้สร้างขึ้น หลวงปู่รอดองค์นี้ศักด์สิทธิ์ยิ่งนัก ชาวบ้านนับถือกันมาก ท่านสร้างเพื่อแจกชาวบ้าน ทหาร เพื่อสู้รบกับทัพพม่าก่อนเสียกรุง ภายหลังเสียกรุงท่านได้หายตัวไป เมื่อเหตุการณ์สงบท่านก็กลับมาครองวัดประดู่ทรงธรรมจนมรณภาพ ส่วนเหตุผลที่สร้างมาคล้ายกับพระทางเหนือเชื่อกันว่า สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ได้ยกทัพไปตีเมืองทางเหนือจนได้รับชัยชนะ ได้มีการกวาดต้อนผู้คนเรือนแสนกลับมายังกรุงศรีอยุธยาด้วย จึงมีพระเครื่องทางเหนือติดมา ชาวบ้านและทหารจึงได้นําไปไว้ที่วัดประดู่ทรงธรรม ซึ่งเป็นวัดทหาร อันเป็นที่มาของต้นแบบในการสร้างพระของหลวงปู่รอด (แต่ทั้งนี้ก็ไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจน มีเพียงคําบอกเล่าจากคนรุ่นก่อน ๆ เท่านั้น ผู้สร้างจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป)

ตะกรุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน เนื้อสองกษัตริย์ เลี่ยมทองหนา พร้อมบัตรรับรองสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปรมาจารย์พระเกจิอีกรูปหนึ่ง ท่านเป็นชาวพิจิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ปี พ.ศ.๒๓๕๓ ตรงกับวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีฉลู โยมบิดาชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน โดยกําเนิด ส่วนโยมมารดาชื่อ ฟัก ท่านเป็นชาวกําแพงเพชร เชื่อกันว่า หลวงพ่อเงิน ท่านเป็น อริยสงฆ์ ที่มีญาณแก่กล้ามากที่สุดองค์หนึ่งของเมืองไทย วัตถุมงคลของท่าน ที่สร้างขึ้นนั้นได้รับความนิยมเป็นอันมากทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง หรือ เครื่องรางของขลัง ซึ่งทําให้วัตถุมงคลของท่านทุกแบบทุกประเภทนั้นกลายเป็นของหาชมได้ยากยิ่งในยุคปัจจุบัน หลวงพ่อเงิน ท่านได้สร้างตะกรุด โดยลงยันต์ อะสิสัตติธะนุเจวะ สัพเพเตอาวุธานิจะ ภัคคะภัคคาวิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ ยันต์คู่ชีวิต ซึ่ง หลวงพ่อเงิน ท่านได้ไปเล่าเรียนวิชาอาคมนี้มาจาก หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า มาทั้งหมด วัดวังหมาเน่า กับวัดบางคลานนั้นอยู่ไม่ไกลกันมากนัก จึงสะดวกมากในการเดินทางไปมา อักขระยันต์อะสิสัตติ ฯ เป็นพระยันต์ และคาถา ศาสตราวุธของพระพุทธเจ้า ในคติธรรมของพระพุทธองค์ สิ่งที่สามารถชนะอุปสรรค และหมู่มารทั้งหลายได้ คือ ธรรมะ การคิดดี ประพฤติดี เมื่อเราทําความดี สิ่งดีๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะเข้ามาหาเรา เสมือนว่าความดีควรอยู่คู่ชีวิต จึงปรากฎในอักขระจารตะกรุดเป็นที่เลื่องลือในพุทธานุภาพ และพุทธคุณ ตะกรุดของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านสร้างมีขนาดค่อนข้างเขื่องอยู่เหมือนกัน เท่าที่เคยพบจะยาวประมาณ ๓-๔ นิ้ว และค่อนข้างอวบอ้วนสักหน่อย แต่ตะกรุดดอกที่มีขนาดสั้น หรือยาวกว่านี้ ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีบ้างมั้ย ตะกรุดบางดอกก็จะมีการพอกผง ลงรักถักเชือก คล้ายกับตะกรุดของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงก็มี เรียกกันว่าตะกรุดสามกษัตริย์ แต่หาชมค่อนข้างยากมากๆ ลักษณะของตะกรุด หลวงพ่อเงินท่านจะสร้างคล้ายๆ ของ หลวงพ่อโพธิ์เลย คือ เป็นตะกรุดที่ทําจากแผ่นตะกั่วที่ทุบแล้วรีดเป็นแผ่นบางๆ จากนั้นท่านจึงลงอักขระเลขยันต์ นํามาม้วนเสร็จแล้วก็ใส่แกนกลางด้วยตะกรุดอีกดอกหนึ่ง ตะกรุดของ หลวงพ่อเงิน จะต่างจาก หลวงพ่อโพธิ์ ซึ่งแยกกันได้ชัดเจนก็คือ ตะกรุดที่ทําเป็นไส้แกนกลางนั้น หลวงพ่อโพธิ์ท่านจะใช้แต่ตะกรุดที่ทําจากเนื้อโลหะ สอดใส่ไว้เฉยๆ แต่ตะกรุดของ หลวงพ่อเงินนั้น แกนกลางท่านจะใช้แผ่นโลหะที่ลงอักขระจาร แล้วม้วนเป็นตะกรุด แล้วรีดตะกรุดที่จะใช้เป็นแกนกลาง กับตะกรุดปลอกนอกที่เป็นตะกั่ว ให้แนบเป็นเนื้อเดียวกันทั้ง ๒ ดอก (ส่วนหลวงพ่อโพธิ์ตะกรุดแกนกลางจะใส่เอาไว้เฉย ๆ ไม่รีดให้เป็นเนื้อเดียวกัน) เจตนาของหลวงพ่อเงินท่านคงจะให้ผู้ใช้ภายหน้าแยกกันออกชัดเจน ว่าตะกรุดดอกนี้เป็นของอาจารย์องค์ไหนสร้าง หลวงพ่อเงิน ท่านมรณภาพเมื่อ แรม ๑๑ ค่ํา เดือน ๑๐ ปีมะแม พ.ศ ๒๔๖๒ รวมสิริอายุได้ ๑๐๙ ปี ซึ่งตรงกับวันเกิดของท่านด้วย ด้านพุทธคุณ ตะกรุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อท่านถือว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่เก่งกล้าที่สุดของเมืองไทย ความสามารถมีทุกแขนงวิชา เชื่อกันว่าด้านพุทธคุณครอบจักรวาล เมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี หรือเรื่องโชคลาภไม่เป็นสองรองอาจารย์ท่านใดนะครับ เรื่องสนนราคา วัตถุมงคลของท่านทุกชนิด ทุกอย่างปัจจุบันหาชมของแท้ๆ สักชิ้นแบบตามตําราโบราณได้ยากยิ่งนะครับ ยิ่งตะกรุดด้วยแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นวัตถุมงคลของท่านที่หาชมได้ยากที่สุดครับ ราคากลางน่าจะอยู่ที่ความพอใจกันเลย ว่าชอบตะกรุดดอกนั้นๆ มากหรือน้อยแค่ไหน แต่ดอกที่แท้ๆ ตามมาตรฐานของวงการน่าจะอยู่ที่ห

พระพุทธชินราช ขนาดบูชา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก หน้าตัก 9 นิ้ว ปี 2500 พระดีพิธี ใหญ่ ยอดขายดีอันดับหนึ่ง รายละเอียด สินค้า พระพุทธชินราช ขนาดบูชา วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก หน้าตัก 9 นิ้ว ปี 2500 เนื้อ ทองเหลือ ง ผิวสองกษัตริย์ สภาพองค์ พระ 95 เก่าตามกาลเวลา พระพุทธชินราช พิธีปลุกเสกในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก พระพุทธชินราชหน้าตัก 9 นิ้ว พิธีพุทธาภิเษก ณ วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินราช 9 นิ้ว เนื้อทองเหลือสองกษัตริย์ องค์นี้พระพุทธชินราชผ่านการปลุกเสกแล้ว พิธีดีและใหญ่มากในสมัยนั้น พระพุทธชินราช 9 นิ้วองค์ นี้ สามารถวางบนหิ้งได้ หากหิ้งสูงหรือติดเพดาน ผู้บูชา สามารถ ถอดซุ้มออกได้ เพื่อ สะดวกในการวางองค์ ท่านไว้บนหิ้งพระ ด้วยอํานาจแห่งคุณพระพุทธ ชินราช ผู้บูชาสามารถขอบารมีแห่งองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช โปรดขออภิบาลคุ้มครองรักษาให้แค้วลคลาด ปลอดภัย และบังเกิดลาภ, โภคสมบัติ ตลอดกาลนานเทอญ หากเป็นสินค้าที่มีสี-ไซท์-เบอร์ก่อนจะกดสั่งรบกวนลูกค้าทักแชทสอบถาม เพื่อจะได้สินค้าที่ถูกต้องตามต้องการก่อนนะครับ เพราะเราคือผู้นําเรื่องสินค้าออนคุณภาพดีเน้นเรื่องการส่งสินค้าไวให้ลูกค้ารับสินค้าได้ไวที่สุดและเราให้ความสําคัญในเรื่องความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่งท่านจึงวางใจในเรื่องการสั่งสินค้ากับเราได้เลยครับ

#พระนางกําแพง(ฐานตาราง-ฐานเพชร)เนื้อชินเงินทุ่งเศรษฐี เมืองกําแพงเพชร #พร้อมบัตรรับรองพระแท้จากทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย #ฐานตาราง-ฐานเพชร อุปเท่ห์ นั่งบนกองเงินกองทอง ชีวิตนี้จักไม่ลําบาก เหมาะสําหนับทุกอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพขายของสูง(ที่ดิน-พระเครื่อง-จิวเวลลี่) รวมไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ #พุทธคุณมีกูใว้ไม่มีวันจน เนื้อชินเงินอุปเท่ห์มีเงินใช้จนชิน บุญหนักศักดิ์ใหญ่ มากล้นด้วยความรวยจักไม่ได้ทํางานหนักอีกทั้งชาติ มีแต่คนรักจักเป็นมหาเสน่ห์ใหญ่แก่ผู้พบเห็น . เป็นพระกรุเก่า มาตรฐาน ถูกจัดไว้ในรายการประกวดประเภทพระกรุเนื้อชินยอดนิยม ในทุกรายการประกวดของเมืองไทย นับเป็นพระเครื่องที่นิยมเล่นหากันมานาน เพราะมีพุทธคุณสูง และมีประสบการณ์ในด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภ . เป็นอีกหนึ่งพิมพ์มาตรฐานของพระสกุลกําแพงเพชรที่ราคายังไม่สูงนัก แต่พุทธคุณก็ไม่ต่างจากสกุลกําแพงทั่วไปครับ . ในหมวดพระนางกําแพงฯนั้นมีอยู่หลายพิมพ์ หลายกรุ มีสนนราคาค่านิยมแตกต่างกันไป และเป็นพระเครื่องที่พบมากที่สุดในพระตระกูลกําแพงเพชร เรียกได้ว่าแทบทุกกรุ จะพบพระนางกําแพงปะปนอยู่ด้วยเสมอ แสดงให้เห็นว่าในสมัยนั้นน่าจะมีความนิยมพระพิมพ์นี้กันมากจึงได้สร้างและบรรจุกันไว้แทบทุกกรุ ศิลปะของพระนางกําแพงเป็นศิลปะสุโขทัย หมวดสกุลช่างกําแพงเพชร . (ในหมวดพระเนื้อดิน)พระตระกูลนางกําแพงนั้นประกอบด้วย พระกําแพงเม็ดมะลื่น พระนางกําแพงกลีบบัว พระนางกําแพงพิมพ์ลึก พระนางกําแพงพิมพ์ตื้น พระนางกําแพงพิมพ์ลูกแป้ง(เดี่ยว-คู่) พระนางกําแพงฐานตาตาราง พระนางกําแพงเม็ดมะเคล็ด เป็นต้น . พบมากในบริเวณทุ่งเศรษฐี ตําบลนครชุม เช่น กรุวัดพิกุลกรุหนองลังกา กรุเจดีย์กลางทุ่ง กรุวัดบรมธาตุ กรุนาตาคํา กรุท่าเดื่อ . ทางใต้ของทุ่งเศรษฐีก็ยังพบบริเวณเมืองตรัยตรึง เช่น กรุเจดีย์เจ็ดยอด กรุวัดวังพระธาตุ . ส่วนทางฝั่งจังหวัดพบที่ กรุวัดพระแก้ว กรุวัดป่ามืด กรุวัดอาวาสน้อย กรุวัดอาวาสใหญ่ กรุสี่อิริยาบถ กรุวัดเซิงหวาย กรุวัดช้าง กรุวัดกโลทัย เป็นต้น . กรุที่เป็นที่นิยมมากที่สุดก็คือกรุวัดพิกุล และ กรุวัดบรมธาตุ เนื่องจากมีเนื้อหนึกนุ่มสวยงามมาก . พระนางกําแพง มีทั้งเนื้อดินเผา เนื้อว่าน เนื้อชินเงิน และ เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง . เนื้อที่นิยมที่สุดก็เป็นเนื้อดินเผาเนื้อที่หายากก็คือเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง และเนื้อว่าน . องค์นี้พิมพ์สามเหลี่ยม เนื้อชินเงิน ราคาเบากว่าเนื้อดิน..แต่ก็สร้างยุคเดียวกัน มีขึ้นหลายกรุเหมือนเนื้อดิน หาสวยๆและสมบูรณ์ได้ยากมาก เนื่องจากมีผุกร่อนมาจากในกรุที่ผ่านมาหลายร้อยปี

#หนุมานเรืองฤทธิ์หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน #ศิลป์นิยมแกะใบมีดโบราณ เนื้อราดพุฒซ้อนเก่ามันส์ตามอายุ สภาพหิ้งเจ้าของเก็บรักษามาเป็นอย่างดี #พร้อมบัตรรับรองพระแท้จากสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย #พุทธคุณหนุนดวงชะตาให้ธุรกิจค้าขายคึกคัก ค้าขายดี ลูกน้องซื่อสัตย์ มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่หนึ่งในสายธุรกิจ พลิกร้ายกลายเป็นดีเสมอ สุขภาพแข็งแรง สารพัดกันคุ้มครองปกป้องผู้ครอบครองให้นิรันตรายปลอดภัยอยู่เสมอ #หนึ่งในเบญจภาคีเครื่องรางสยามที่มีอนุภาพสูงส่งที่สุด #ในแวดวงนักสะสมเครื่องรางของขลัง มักจะพูดกันติดปากว่า เสือหลวงพ่อปานหนุมานหลวงพ่อสุ่น ซึ่งแสดงถึงความเก่งกล้าสามารถในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังแต่ละชนิด ของแต่ละพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญเวทย์วิทยาคมไม่เหมือนกัน และถ้าเป็นเรื่อง หนุมาน แล้วก็คงไม่มีใครเกิน หนุมาน ของพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าที่เรืองเวทย์วิทยาคมอย่างหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เกาะเกร็ด จ.นนทบุรี ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม คือสมญานามที่คนในวงการพระเครื่องตั้งให้กับ หนุมาน หลวงพ่อสุ่น นับเป็นสุดยอดของขลังหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่นักสะสมใฝ่หาไว้มาครอบครองบูชา #ประวัติความเป็นมา หลวงพ่อสุ่น มีนามเดิมว่า สุ่น นามสกุล ปานกล่ํา ท่านเป็นชาวนนทบุรี ไม่มีใครคราบว่าท่านอุปสมเมื่อไหร่ แต่ที่ทราบคือท่านมีฉายาว่า จันทโชติก ในสมัยที่ท่านเป็นพระลูกวัด ท่านมีจริยวัตรที่ดีงามจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน จวบจนเจ้าอาวาสมรณะภาพลง ชาวบ้านจึงได้แต่งตั้งท่านขึ้นเป็นพระอธิการเพื่อครองวัดแทน ท่านจําพรรษาอยู่ที่วัดศาลากุน ตั้งแต่หนุ่ม ปลูกต้นรัก และต้นพุดซ้อน ดูแลอย่างดี ด้วยการทําน้ํามนต์รดต้นไม้ทั้งสองเสมอมา แม้จะไม่มีใครรู้ว่าท่านศึกษาเล่าเรียนมาจากไหนเนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าไปสอบถามจนท่านมรณะภาพลงไป แต่จากคําบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในละแวกนั้นเล่าว่า ท่านกับหลวงพ่อกลิ่นวัดสะพานสูงนั้น รักใคร่กันมาก และมักจะไปมาหาสู่กันเสมอ อีกทั้งท่านยังมีเมตตาต่อผู้ที่มากราบไหว้ ใครเจ็บป่วยมาก็รักษาเยียวยาจนหายเป็นปกติ #การสร้างหนุมานของหลวงพ่อสุ่น ในสมัยที่ท่านยังเป็นพระลูกวัด ท่านได้นําไม้สองชนิดคือ ต้นรักซ้อน และ พุดซ้อน มาปลูกไว้ในบริเวณวัด ท่านได้ทําน้ํามนต์รดอยู่ทุกวันจะกระทั่งไม้ทั้งสองนั้นโตได้ที่ และได้ฤกษ์งามยามดี ท่านจึงลงมือขุด โดยทําพิธีพลีก่อนขุด พอเสร็จท่านก็นําไปตากให้แห้งสนิท เมื่อได้ที่แล้วท่านก็ให้ช่างฝีมือแกะสลักหนุมาน เมื่อแกะเสร็จท่านก็รวบรวมหนุมานที่แกะเสร็จทั้งหมดใส่ลงในบาตรของท่าน แล้วเอาผ้าขาวห่อหุ้มภายนอก เก็บไว้ในกุฎิ ครั้นพอถึงวันเสาร์ท่านก็ให้พระลูกวัดลูกศิษย์ของท่านยกเข้าโบสถ์แล้วทําพิธีบวงสรวงบัดพลี เสร็จแล้วท่านจะปิดประตูหน้าต่างลั่นดานโบสถ์ทั้งหมด เพื่อทําการปลุกเสก และจัดเวรยามไม่ให้ไปรบกวนท่าน ซึ่งท่านจะทําการปลุกเสกทุกๆ วันเสาร์ และเอาไปปลุกเสกต่อในกุฎิเช่นนี้ตลอดมา จนกระทั่งครบถ้วนกระบวนวิธี ท่านจึงนํามาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ #หนุมานของหลวงพ่อสุ่น มีสองชนิดคือ หนุมานหน้ากระบี่ และหนุมานหน้าโขน ซึ่งหนุมานแต่ละตัวนั้นทํายากมากเพราะต้องใช้ฝีมือช่างที่วิจิตรโดยแท้จริง หนุมานของท่านนั้นดูแล้วมีความเข้มแข็ง แสดงออกถึงความแกล้วกล้า สมเป็นยอดทหาร แต่ของเทียมจะมีลักษณะทรวดทรงต่างๆ ที่แข็งกร้าว ไม่ผึ่งผาย ขาดเอกลักษณ์ สําหรับเนื้อหนุมานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 เนื้อ คือ เนื้อไม้พุดซ้อน เนื้อไม้รักซ้อน และเนื้องาช้าง (กล่าวกันว่าที่เป็นเนื้องาช้างนั้นเพราะพอนําไม้พุดและไม้รักซ้อนมาแกะจนหมดแล้ว ท่านถึงได้นํางาช้างมาแกะสลัก และ

#พลังแห่งพุทธานุภาพดูดเงินเข้า ดูดเงินเข้าให้หลั่งไหลมาทั้งปี และไม่มีเงินรั่วไหลด้วยอนุภาพมหาอุตย์ใต้ท้ององค์ท่าน เป็นเครื่องรางที่โดดเด่นในรื่องโชคลาภ-วาสนาดี-ค้าขายคล่องสุดๆ หมดหนี้หมดสิน ธุรกิจตั้งเนื้อตั้งตัวได้เร็วมาก-ฟื้นเร็ว #พญาเต่าเรือนหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน #เนื้อโลหะผสม #พร้อมบัตรรับรองพระแท้จากทางสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย #รายละเอียด ว่ากันว่าหลวงพ่อเงินท่านสร้างเต่าเรือนเพื่อทดลองหลอมโลหะและเทพิมพ์เพื่อเตรียมจะสร้างเหรียญหล่อจอบเล็กและรูปหล่อพิมพ์ขี้ตาภายในวัด ประกอบกับท่านก็ต้องการสร้างเต่าเรือนตามตํานานพระพุทธเจ้า 500 ชาติสุดยอดวิชาเมตตามหานิยมโชคลาภเพื่อแจกศิษย์ใกล้ชิดของท่านด้วยนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้ข่อมูลของการสร้างไม่ถูกนํามาเผยแพร่เท่าที่ควร แต่ถ้าพิจารณาจากรูปแบบของเต่าแล้วพบว่ามีรูปแบบและเนื้อแบบเดียวกับเหรียญหล่อจอบเล็กและรูปหล่อพิมพ์ขี้ตาของท่านทุกประการ

#พระหลวงปู่ศุขพิมพ์ประภามณฑล(พิมพ์เล็กสุดกายาก)เนื้อทองผสม #พระที่คนบูชาแล้วจักดวงขึ้นหนุนส่งอย่างเร็ว มากล้นด้วยปัญญาทางโลกทางธรรม แหวกทุกอุปสรรค รวยแบบมีความสุข #อักโขหะมัสสะมิ โลกัสสะ อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตาอิติโพธิ์มะนุปัตโต อิติปิโสจะเต นโม อะระหังลาโภ พุทโธ ลาภัง นาชาลิติ นะมะพะทะ สัพเพชะนา พหูชะนา ราชาปุริโส อิตถิโยมาพัง เอหิจิตตังปิยังมะมะ เอหิมาเรโสมามา อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นคาถาเมตตามหาเสน่ห์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท ทั้งนี้ หากใครจะใช้คาถาบทนี้ต้องเริ่มด้วยการตั้งนะโม ๓ จบ แล้วตั้งสมาธิให้มั่นระหว่างการภาวนา คาถานี้จึงจะสัมฤทธิผล พระเครื่องของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นที่นิยมทั้งสิ้น เช่นเหรียญหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พ.ศ.๒๔๖๖ เป็นเหรียญที่จัดอยู่ในชุดเบญจภาคีเหรียญพระเกจิอาจารย์ สวยๆ จริงๆ ต้องมีล้านขึ้น โดยเฉพาะพระหลวงปู่ศุข พิมพ์ประภามณฑล เนื้อเมฆสิทธิ์ อย่างกับในภาพที่ยกมาเป็นพระองค์ครูฉบับนี้ต้องมีเงินหลักล้านถึงจะได้ครอบครอง นอกจากนี้แล้วยังมีพระหลวงปู่ศุขอีกหลายรุ่นที่ขึ้นชื่อว่าแพง เช่น พระปิดตากรมหลวงฯ พระพิมพ์แจกแม่ครัว พระหลวงปู่ศุข พิมพ์รัศมี หลวงปู่ศุข เนื้อชิน พระหลวงปู่ศุข และพระพิมพ์สี่เหลี่ยมซึ่งมีหลายแม่พิมพ์ก็มีตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน แล้วแต่พิมพ์ เนื้อหา และความสวยสมบูรณ์ หลวงปู่ศุข ท่านธุดงค์มาปักกลดที่วัดมะขามเฒ่า ในสมัยนั้นมีชื่อว่า วัดอู่ทอง ซึ่งเป็นวัดร้าง และท่านก็จําพรรษาอยู่ที่วัดนี้มาตลอด โดยโยมมารดาของท่านได้นิมนต์ให้อยู่จําพรรษาที่วัดแห่งนี้ ต่อจากนั้นท่านก็ได้พัฒนาจากวัดร้างจนเป็นวัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า และมีพระมาจําพรรษาหลายรูปในปีพ.ศ.๒๔๓๔ และท่านก็ได้สร้างวัดให้เจริญรุ่งเรือง จนได้รับพระราชทานวิสุงคามในปีพ.ศ.๒๔๔๐ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือเรียกสั้นๆ ว่า วัดมะขามเฒ่า หลวงปู่ศุขท่านเป็นพระที่มีวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดเป็นที่รักเคารพของผู้คนโดยทั่วไป และได้รับนิมนต์มาที่กรุงเทพฯอยู่เสมอ ทั้งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๗ เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ก็เสด็จขึ้นไปทางเรือไปกราบและฝากเป็นศิษย์คนสําคัญของหลวงปู่ศุขด้วย ตั้งแต่พ.ศ.๒๔๖๔ หลวงปู่ศุข ท่านเริ่มไม่ค่อยแข็งแรงนัก ต่อมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ท่านก็เริ่มอาพาธมากขึ้น แต่ก็ยังเดินเหินได้บ้าง ในเดือนพฤศจิกายนท่านก็เริ่มอาพาธมากขึ้นเรื่อยๆ และมรณภาพลงในวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๖๖ สิริอายุได้ ๗๕ ปี พรรษาที่ ๕๐

#ลูกอมเมฆสิทธิ์หลวงพ่อทับ วัดอนงคาราม (หายาก) #เลี่ยมทองคําแท้แบบเปิดหน้าให้สัมผัสผิวผู้บูชาเพื่อปรับธาตุขันธุ์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และหนุนดวงให้ดียิ่งๆขึ้น #พุทธคุณของลูกอมเมฆสิทธิ์หลวงพ่อทับ มีสิทธิ์เหนือฟ้า พลิกดวง หนุนดวง เสริมดวง โด่งดังอันดับหนึ่ง หายากยิ่งแทบจะพลิกแผ่นดิน ชาตินี้จักไม่มีวันตกตําอีกต่อไป จะมีแต่ความเจริญยิ่งๆขึ้นไปมากกว่าทุกๆปี #และรวยยิ่งๆขึ้นไปไม่มีหยุดเลยทีเดียว #วาสนาดีโชคดีแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน #รักษาโรคได้ดีเยี่ยม #หลวงพ่อทับ วัดอนงค์ เป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่เชี่ยวชาญในวิธีเล่นแร่แปรธาตุ เก่งทางคาถาอาคม ในสมัยนั้นวัดอนงคารามมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อทับเป็นพระลูกวัดแต่มีพรรษาสูงกว่า ท่านได้หลอมโลหะจนได้โลหะเมฆสิทธิ์ ที่มีวรรณะสีสันสวยงามแปลกตา มีคุณวิเศษศักดิ์สิทธิ์เอนกอนันต์แฝงอยู่ในตัว แม้แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ก็ได้มาศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับท่าน ลูกอมและลูกสะกดเนื้อเมฆสิทธิ์ของท่านกลายเป็นวัตถุมงคลที่หายาก และสนนราคาเล่นหาสูงมาก #พุทธคุณก็โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ทั้งเมตามหานิยมโชคลาภค้าขายร่ํารวย แคล้วคลาดปลอดภัย และมหาอุตม์ เรียกว่า “ครอบจักรวาล”เลยทีเดียว ในคัมภีร์โบราณกล่าวว่า พระเนื้อเมฆสิทธิ์นับว่าเป็นมงคลทั้งสิ้น ไม่ปลุกเสกก็มีคุณหนุนชะตามิให้ตกต่ํา พระเครื่องและอิทธิวัตถุซึ่งสร้างด้วยโลหะผสม สีเขียว เป็นประกายวาวงามดั่งปีกแมลงทับ พระเครื่องซึ่งมีบุคลาธิษฐาน แสดงออกมาถึงความคงกระพันชาตรีและนิรันตราย เนื้อโลหะผสมตามตําราโบราณยังมิมีอาจารย์ใดสร้างได้ถึงและเทียบเท่า แม้แต่เนื้อโลหะอย่างเดียวก็มีคุ้มชะตาผู้ที่มีอยู่มิให้ตกต่ํา เมฆสิทธิ์คือเนื้อของพระเครื่องและอิทธิวัตถุนั้นแล คนรุ่นเก่ากล่าวกันมา เวลาเดินเข้าป่า หากอมลูกอม ลูกสะกดหรือพระของท่านไว้ในปากแล้วจะไม่เป็นไข้ป่า และจะไม่ถูกสัตว์ป่าทําร้าย และเมื่อห้อยติดตัวแล้ว จะป้องกันคุณไสยหรือสามารถดูดพิษต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ในระยะหลังมีคนพูดกันมากว่า พระเนื้อเมฆสิทธิ์นี้หากนําบูชาติดตัวแล้วจะเสริมดวงชะตาของผู้นั้นให้ดีขึ้น #โดยเฉพาะการพกติดตัวคู่กับกะลาแกะ พระราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง #การพิจารณาพระเนื้อเมฆสิทธิ์ ของหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม มีข้อสําคัญบางประการที่ควรยึดถือประกอบการพิจารณา คือ 1.ความเก่า เนื้อลูกอมหรือพระเมฆสิทธิ์วัดอนงคาราม มีอายุการสร้างนานกว่า 90 ปีแล้ว จึงมีคราบความเก่าให้เห็น โดยเฉพาะผิวพรรณ มีความแห้งเป็นธรรมชาติ บางองค์มีคราบดําบนผิวพรรณ พระที่ไม่ได้ถูกล้างผิวจะพิจารณาได้ง่ายกว่า 2.เนื้อหรือพระจะมีสีเขียวเข้ม บางองค์เข้มจนดํา หรือเขียวอมเหลืองเล็กน้อย #ในตํารับตําราเครื่องรางของขลังไทยเรานั้นจะมีด้วยกันหลายอย่าง ๆ ที่เป็นเครื่องคาดก็จะมีตะกรุด เป็นหลัก หากไม่ใช่มหาอุดแล้วละก้อ เมื่อร้อยเข้าพวงเพื่อคาดเอวแล้ว จะต้องหาอะไรมาบังคับเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปมาวิธีที่ง่ายที่สุดคือ ด้วยการแก้เชือกให้เป็นปมใหญ่พอที่จะทําให้ตะกรุดไม่เคลื่อนที่แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือ การทําลูกสะกด และเป็นอย่างไรนั้นผู้เขียนจะอธิบายให้ท่านผู้อ่านได้ทราบอย่างละเอียดเลยทีเดียวในเรื่องนี้ ก่อนอื่นจะต้องพูดถึงความแตกต่างกันระหว่างลูกสะกดกับลูกอมซึ่งเป็นเครื่องรางทั้งสองอย่างนี้และพอที่จะแยกกันได้คร่าว ๆ ดังนี้ #ลูกอมหมายถึงการนําเอาวัสดุต่าง ๆ ที่เหมาะสมอาทิเช่น ผงผสมตังอิ๊ว ดินเผา ผงว่านยากาฝาก บอระเพ็ด ขี้ผึ้งเทียนชัย น้ําตาเทียนเทียนชัย โลหะต่าง ๆ แต่ละอย่างเอามาตีแผ่นให้เป็นแผ่นแล้วเข้าพิธีลงเลขยันต์อักขระ